7 ข้อปฏิบัติเพื่อการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง แต่บางคนก็อาจจะออกกำลังกายเพื่อช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายเพื่อเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคุณควรออกกำลังกายให้ถูกวิธีไปพร้อมกันด้วย เพื่อให้ประโยชน์ที่ได้รับเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และสำหรับวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องคุณควรปฏิบัติดังนี้ค่ะ
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และในแต่ละครั้งไม่ควรต่ำกว่า 30 นาที ถึงจะเป็นวิธีการออกกำลังที่ร่างสามารถได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น อวัยวะภายในทำงานดีขึ้น กล้ามเนื้อกระชับและแข็งแรงขึ้น รวมทั้งร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานได้ดีขึ้น
2. เลือกกีฬาที่เหมาะสมกับร่างกาย
ควรเลือกออกกำลังที่เหมาะสมกับวัยและสมรรถภาพของร่างกาย เพราะแต่ละคนจะมีความสามารถในการออกกำลังแต่ละอย่างที่แตกต่างกัน สำหรับในเด็กและผู้สูงอายุไม่ควรออกกำลังกายเพียงลำพังควรออกกำลังกายเป็นหมู่ขณะ เพื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันได้อย่างทันท่วงที สำหรับการออกกำลังกายที่นิยมและเราสามารถเห็นกันได้ทั่วไป เช่น การวิ่ง การเดิน ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน เล่นโยคะ รำกระบอง และกิจกรรมเข้าจังหวะ เป็นต้น
3. ไม่ควรออกกำลังอย่างหักโหมจนเกินไป
โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักมักจะมีความเข้าใจว่ายิ่งออกกำลังกายมากยิ่งจะลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น แต่จริงๆ แล้วการที่ร่างกายของเราเหนื่อยหรือเพลียมากเกินไปนั้น จะทำให้มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพตามมา นอกจากนี้เวลาที่ร่างกายเหนื่อยมากเมื่อหายเหนื่อยแล้วยังมีแนวโน้มจะรับประทานอาหารมากกว่าปกติอีกด้วย
4. เลือกสถานที่ที่เหมาะสม
สถานที่ในการออกกำลังกายควรเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และมีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ในสวนสาธารณะ ในสนามกีฬา ในโรงยิม หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อการออกกำลังกาย เป็นต้น
5. เลือกเวลาออกกำลังที่เหมาะสม
การออกกำลังกายควรเลือกช่วงเวลาที่ดีไปพร้อมกันด้วย เช่น ในช่วงเช้าจะเป็นเวลาที่มีอากาศบริสุทธิ์ และช่วงเย็นหลังเลิกงาน เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป จะเป็นช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อนมาก และยังเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะไม่ต้องกังวลกับการทำงาน
6. วอร์มอัพก่อนทุกครั้ง
ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้งควรมีการวอร์มร่างกายเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อ การวอร์มร่างกายยังมีส่วนในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
7.ทานอาหารก่อน 2 ชั่วโมง
แท้จริงแล้วเราไม่ควรทานอาหารเสร็จแล้วไปออกกำลังกายในทันที เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารจุกเสียดได้ ดังนั้น จึงควรทานอาหารก่อนออกกำลังกายเป็นเวลาอย่างน้อยสัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารก่อน และอาจจะเลือกทานอาหารที่มีแป้งและโปรตีนเบาๆ ไม่ต้องเน้นทานหนักจนเกินไป เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยง่ายขึ้น และช่วยให้ได้รับพลังงานไว้ใช้ในการเบิร์นอย่างเพียงพอ ไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนเกินไปด้วยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจออกกำลังกาย อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำด้านบนทั้ง 7 ข้อกันนะคะ เพราะเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและให้ร่างกายได้รับประโยชน์ในด้านสุขภาพอย่างเต็มที่อีกด้วย
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น