ตัวอย่างหนัง
เรื่องย่อ ฟรีแลนซ์...ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ
ยุ่น (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายวัย 30 คือฟรีแลนซ์มือรีทัชรูปที่งานยุ่งที่สุดในประเทศไทย ความสุขของยุ่น นอกจากการได้เห็นงานเต็มปฏิทิน ไม่เว้นวัน เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการก็คือ งานเร่ง งานด่วน งานที่ลูกค้าแก้ไม่รู้จบ มันเป็นความท้าทายที่เขาต้องทำให้ได้ เจ๋ (วิโอเลต วอเทียร์) โปรดิวเซอร์รุ่นน้องจากเอเจนซี่โฆษณาจึงจ่ายงานให้เขาทำอย่างสม่ำเสมอ
แต่มีลูกค้าอยู่รายหนึ่งที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นคือ ร่างกายของเขาเอง
หลังจากผ่านการอดนอน 5 คืนติด เพื่อทำงานชิ้นหนึ่ง ยุ่นเริ่มมีผื่นแดงๆขึ้นตามตัว แม้จะไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะเสียเวลาทำงาน แต่ร่างกายแจกผื่นลามใส่ตัวเขามากขึ้นๆ เขาจึงต้องเดินทางไปโรงพยาบาลรัฐเพื่อเซฟเงิน ที่นั่นเขาได้เจอกับลูกค้าอีกคน คือ หมออิม (ดาวิกา โฮร์เน่) หมออิมก็เหมือนหมอโรงพยาบาลรัฐทั่วไปที่ยุ่งจนหัวฟู แต่ที่ไม่เหมือนหมอคนอื่นๆคือ เธออายุพอๆกับยุ่น และยุ่นรู้สึกดีกับเธอจนถึงขั้นเขิน การพบกันในแต่ละเดือนของยุ่นและหมออิม เปรียบเสมือนการออกเดทที่ทั้งคู่มีเวลาพบกันสั้นๆ ยุ่นต้องรออีก 30 วัน กว่าที่จะได้เจอหมอครั้งต่อไป
ตั้งแต่ไปหาหมออิม ยุ่นก็รู้สึกว่าตัวเองทำงานช้าลงอย่างไม่มีเหตุผล เจ๋ต้องตามมากระชากงานจากเขาบ่อยขึ้น การทำงานช้าลงนี่เป็นอาการข้างเคียงของอะไรหรือเปล่า และการคิดถึงใครสักคนระหว่างทำงานนี่เป็นโรคที่รักษาให้หายได้หรือไม่
รีวิวหนัง ฟรีแลนซ์...ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Freelance)
ให้ 7.5/10 เมื่อหนุ่มฟรีแลนซ์บ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำจนร่างกายเกิดผื่นขึ้น จึงตัดสินใจไปหาหมอ แต่เรื่องของเรื่องก็คือ หมอที่ทำหน้าที่รักษาเขาดันสวยด้วยซะนี่สิ เลยเป็นเรื่อง! ผลงานกำกับเรื่องแรกกับ GTH ของเต๋อ นวพล จาก 36, Mary is happy, Mary is happy, the Master ผู้เขียนบทเรื่อง Topsecretวัยรุ่นพันล้าน, รัก7ปี ดี 7 หน ตอน 14 และร่วมเขียนบทในรถไฟฟ้ามาหานะเธอ
แม้ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ไม่ได้มีกลิ่นอายของหนัง GTH ในยุคหลังๆนี้สักเท่าไหร่นักที่ Feel Good มากๆ และแมส (ตลาด) มากๆ แต่มันก็ยังคงคุณภาพความเป็น GTH และความเป็นเต๋อเอาไว้อยู่ ซึ่งมันคือ “ความพอดี” ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างความอินดี้และความแมส ที่อาจจะเอียงมาทางอินดี้นิดๆ ทิ้งกลิ่นอายของแมรี่ไว้หน่อยๆ แต่มันก็โอเคเลยหละ ค่อนข้างชอบในความเรียบง่าย เหมือนกาแฟที่ไม่ต้องใส่นมใส่น้ำตาลเยอะ เพราะใส่เยอะไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย เบาหวานจะถามหาเอา
หนังจับเอาประเด็นพื้นๆไม่หวือหวา แต่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามบนโลกนี้ก็สามารถพบเจอได้ เพราะทุกคนต้องทำงาน (ถ้ายังไม่ทำงาน ให้เปรียบเหมือนการทำรายงานส่งอาจารย์) ทุกคนต้องเคยทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำและต้องไปฝากท้องไว้ที่เซเว่น (การเรียนก็เช่นกัน) ทุกคนต้องเคยป่วย ทุกคนต้องเคยหาหมอ ทุกคนเคยเจอหมอที่หล่อสวยถูกใจหรือใฝ่ฝันที่จะเจอเวลาไปหา ทุกคนเคยตกหลุมรัก เคยมีความรัก หรือใฝ่ฝันที่จะมี และที่แน่ๆคือทุกคนต้องเคยเหงา...
“หน่วง” คือคำจำกัดความของ ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ เพราะหนังยาวไปหน่อย แต่ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่หนังตั้งใจให้เป็น มิเช่นนั้นหนังจะไม่มีอารมณ์หน่วง (ในที่นี้มันคือความหมายเชิงบวก) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับหนังทั้งประเด็นเรื่องงาน สุขภาพ และกับความรัก หน่วงเหมือนกับเพลงหน่วง ของ Room 39 อย่างไงอย่างงั้น ไม่สมหวังและไม่ผิดหวัง...
คุณเคยได้ยินไหมที่เขาบอกกันว่า “ยิ่งรู้จักกันมากเท่าไหร่ คุณยิ่งรู้สึกว่าไม่รู้จักเขามากขึ้นเท่านั้น” ในหนังเรื่องนี้คุณจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย เพราะมันเป็นจุดต้นกำเนิดมากๆๆๆของคำว่า “ชอบ” ก่อนที่จะรู้จักและเรียนรู้คำว่า “รัก” เสียอีก มันจึงเต็มไปด้วยโมเมนท์ที่รู้สึกดีๆต่อกัน เป็นความรู้สึกที่ใสมาก ด้วยความแน่ใจกับไม่แน่ใจของความรู้สึก สับสนนิดๆลังเลหน่อยๆ เป็นความสัมพันธ์แบบช้าๆ ไม่รีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรู้จักกันเยอะ ไม่ต้องเรียนรู้กันมาก ไม่ก้าวก่าย โลกใครโลกมัน และเมื่อเวลาเหมาะโลกทั้ง 2 โลกก็โคจรมาพบกันเป็นระยะๆ และนี่แหละมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของความรัก “ระยะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความรัก”
ดูรีวิวหนังอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/MoviesStalker
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น