s รีวิว iPhone 6 Plus | REVIEW รีวิว เรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจสำหรับชาวไทย บทความน่าอ่าน สุขภาพ ไอที เรื่องราวน่าสนใจ

รีวิว iPhone 6 Plus








สวัสดีครับทุกท่าน นับตั้งแต่ iPhone ได้อยู่ในสายการผลิตของ Apple มาตั้งแต่ปี 2007 ด้วยขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ กวาดรายได้ไปแบบถล่มทลายในหลายประเทศทั่วโลก จนมาถึง generation ที่ 5 ที่ Apple ตอบโจทย์ผู้ใช้ด้วยการเพิ่มความยาวหน้าจอไปเป็น 4 นิ้ว … และในอีกสองปีต่อมา ในปีนี้ iPhone ได้ปรับขนาดจอให้ทันกับสมัยนิยมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ 4.7 และ 5.5 นิ้ว สร้างความตื่นเต้น ความคาดหวัง ใหักับผู้ที่เคยใช้ iPhone และผู้ที่กำลังจะใช้มากมาย ตามที่ได้เห็นตามสื่อตั้งแต่ ข่าวลือ และข่าวหลุด ต่างๆมากมาย

ซึ่ง ณ ตอนนี้เท่าที่มีรายงานต่างๆ ผมคิดว่าหลายๆท่านคงจะทราบกันไปแล้วถึงสเปค ราคา พรีวิว และ ios8 กันทะลุปรุโปร่งกันไปหมดแล้ว(หลายๆที่ทำกันละเอียดมากไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคด้านในเลย) รีวิวนี้ผมเลยจะขอทำในส่วนของการใช้งานฉบับผู้ใช้งานบ้านๆแบบดิบๆเลย เน้นหนักไปที่การจับถือที่เป็นหัวใจของการใช้งาน smart phone การรีวิวนี้จะขอข้ามในส่วนของเทคนิคไปนะครับ

โดยตัวเครื่องที่จะรีวิวนี้เป็น iPhone 6 Plus 128GB สี Space Gray ผมซื้อมาใช้งานเองเพื่อเปลี่ยนกับตัวล่าสุดที่ใช้คือ iPhone 4s(ซึ่งผมคิดว่าถึงเวลาที่จะให้คุณปู่ Gen4 ได้พักผ่อนซะทีหลังจากอยู่ด้วยกันมานาน) หลังจาก Pre-order ไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งถ้าใครตามๆดูจะเห็นว่าในเวปของ Apple เองนั้นล่มไปตั้งแต่ก่อนจะเปิดให้ Pre-order แต่ในเคสผมนั้นผม Pre-order ไปกับเครือข่ายของ Verizon เลยไม่มีปัญหา กดได้ลื่นๆไม่มีสะดุดเลย (ตั้งใจใช้ Verizon อยู่แล้วครับ เพราะสัญญาณครอบคลุมที่สุดในอเมริกาแล้วครับ) หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ FedEx ก็ได้เอามาส่งตรงกับวันเปิดขายคือวันศุกร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นอะไรที่ดีมากๆครับ ไม่ต้องไปแย่งชิงกับแถวยาวเหยียดของอเมริกันชนทั้งหลายที่ไปต่อแถวกันหน้า Apple Store (ซึ่งมันเป็นปรากฏการณ์ที่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Apple ถึงได้ขายดีเหมือนให้ฟรีได้ขนาดนี้)… เกริ่นมาซะยาวเลย ขอเริ่มการรีวิวหลังจากได้เครื่องมา 24 ชั่วโมงแรก โดยผมจะลงรูปพร้อมคำบรรยายสั้นๆคลอไปด้วยนะครับ

1. มีอะไรในกล่องบ้าง
แน่นอนครับว่ามันเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ Apple จะจัดของในกล่องมาในแนว minimalism คือให้มาเท่าที่จำเป็น คือมีกล่อง ตัวเครื่อง power adapter สายชาร์ต และหูฟัง จัดกล่องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผมเห็นบางท่านตีความไปว่า minimalism แปลเป็นไทยได้ว่า ”งก” นะครับ



แกะออกมาก็ได้ตามนี้นะครับ น้อยนิด แต่เป็นระเบียบเรียบร้อย(ไม่รู้ผมคิดไปเองรึปล่าวว่ามันคล้ายๆกับกล่องขนมญี่ปุ่นเลย)



การ pack กล่องของ apple รอบนี้ด้วยตัวเครื่องที่บางลงกว่าเดิม ส่วนตัวแล้วผมอยากให้ค่อยๆเปิดกล่องกันบนโต๊ะ โอกาสเสี่ยงที่เปิดออกมาแล้วเครื่องหลุดออกจากกล่องมีสูงมาก ไม่อยากให้ทุกท่านได้เคลมประกันเครื่องใหม่กันนะครับ



สายชาร์ต ที่ให้มาในกล่องนั้นเป็นสาย Lightning connector แบบเดียวกับ iPhone 5 เป็นต้นมา ซึ่งตัวสายนั้นบาง ง่ายต่อการฉีกขาดเมื่อเทียบกับสายชาร์ตรุ่นก่อนหน้าซึ่งจะหนากว่าเยอะ



เมื่อเชื่อมต่อกับ iTunes ในเครื่องแล้ว จะพบว่าความจุที่ 128 GB ใช้งานได้จริงๆ 114.11 GB นะครับ โดยส่วนที่หายไปน่าจะนำไปใช้ในเรื่องของ iOS 8 และการจัดการไฟล์ในเครื่องครับ


2. ขนาดตัวเครื่อง
ตัวที่ผมรีวิวตอนนี้คือ iPhone 6 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว มีมิติตัวเครื่องด้านยาว 6.22 นิ้ว ด้านกว้าง 3.06 นิ้ว และหนา 0.28 นิ้ว



ตัวเครื่องด้านหน้าก็จะมีหน้าจอความละเอียด 1920 x 1080 Full HD ปุ่ม Home แบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID เป็นมารฐานตั้งแต่ iPhone 5s และกล้องหน้าความละเอียด 1.2 MP



ด้านหลังเป็น anodized aluminium สี Space Gray แปะกล้องความละเอียด 8 MP ขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ f2.2 และ Flash ดวงน้อยๆ



ดูกันชัดๆนะครับ ว่ากล้องหลังมันนูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควรทีเดียว ถ้าไม่ใส่ case ผมว่าเวลาวางกับโต๊ะ แล้วถูไปมานี่อาจเป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายมากๆ



ตัวเครื่องด้านซ้ายมือก็จะมีปุ่มเท่าที่เห็นนะครับ การจัดวางเหมือน iPhone รุ่นก่อนๆคือ ด้านบนสุด เป็นตัวเปิดปิดเสียง ต่อด้วยปุ่มเพิ่ม และลดเสียงตามลำดับ



ส่วนตัวเครื่องด้านขวามือตรงนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้รับขนาดเครื่องที่ใหญ่ขึ้น โดย Apple ได้ย้ายปุ่ม ON/OFF มาไว้ที่ตัวเครื่องด้านขวาแทนที่จะวางไว้ด้านบนเครื่องตามรุ่นก่อนๆ ถัดลงมาก็เป็นช่องใส่ nano-SIM



ด้านล่างจากซ้ายไปขวาคือ ช่องเสียบหูฟัง ไมค์ ช่องต่อ Lightning connector และลำโพง



ในส่วนของน้ำหนักนั้น เพื่อความแน่ใจผมเลยเอาตาชั่งมาลองวัดดูก็ได้ตัวเลข 174 g ก็ถือว่าพอๆกับที่ Apple เคลมเอาไว้ที่ 172 g (คุณค่าทางโภชนาการไม่มีนะครับ มีแต่คุณค่าทางใจ และการใช้งาน)



เพื่อให้เห็นภาพว่าตัวเครื่องนั้นบางลง และยาว กว้าง ขึ้นขนาดไหนผมจะเอาไปเทียบกับเจ้าคุณปู่ iPhone 4s



เมื่อเพิ่มเจ้าคุณทวด iPod Video เข้ามาพิจารณาด้วย ความสูงก็เรียงตามลำดับดังนี้ iPod video > iPhone 4s > iPhone 6 Plus



เทียบความหนากันตรงๆ ก็ตามเทคโนโลยีกับปีที่ release นะครับ iPod video > iPhone 4s > iPhone 6 Plus



ดูกันใกล้ๆแบบเยื้องๆบ้าง จะเห็นถึงความบางของตัวเครื่องได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ



ผมมีแขกกิตติมศักดิ์จากค่าย Samsung ด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น Galaxy Note 3 นั่นเอง โดยขนาดหน้าจอของ Galaxy Note 3 ใหญ่กว่านิดนึงที่ 5.7 นิ้ว ขนาดเครื่องกว้างกว่า แต่ความยาวนั้น iPhone 6 ยาวกว่า



ในส่วนความหนานั้น iPhone จะบางกว่า Galaxy Note 3 นิดหน่อยครับ(ผมคิดว่าการที่ไม่มีปากกามาด้วยน่าจะทำให้ดีไซน์ตัวเครื่องได้บางกว่านะครับ




3. การจับถือ
ตรงนี้เป็นส่วนที่สำคัญทึ่สุดของผู้ใช้งานก็ว่าได้ครับ เพราะด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของ iPhone 6 Plus มันก็ทำให้ผมลำบากไม่น้อยในการใช้งานในครั้งแรกๆ หลายๆท่านที่เคยใช้โทรศัพท์จอใหญ่ๆมาก่อนคงปรับตัวกันได้ง่าย แต่สำหรับผมที่ใช้จอ 3.5 นิ้วแล้วกระโดดมา 5.5 นิ้วเลย คงต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งครับ



จะเห็นได้ว่านิ้วโป้งของมือขนาดชายไทยมาตรฐานของผมจะแตะไม่ถึงอีกฝั่งหนึ่งของหน้าจอ ถ้าจะกดได้ต้องเลื่อนนิ้วที่เหลือมา ซึ่งตรงนี้ด้วยตัวเครื่องที่บางลง ขอบมน และวัสดุ aluminium ลื่นๆ ถ้าไม่ระวังอาจทำให้เครื่องหลุดมือได้ง่ายๆเลยครับ โดยแนวทางการแก้ปัญหาผมว่าต้องหา case ที่หนืดๆมาใช้นะช่วยได้มาก



การแตะปุ่ม Home ที่อยู่กึ่งกลางเครื่องนั้นอาจดูไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่เพราะเอื้อมถึง แต่ถ้าเล่นมือเดียวเลื่อนๆดูอะไรไปเรื่อยๆตรงกลางจอแล้วจะเลื่อนมาแตะปุ่ม Home นั้นเป็นไปไม่ได้เลยครับ ต้องใช้อีกมือหนึ่งมาประคองก่อนเลื่อนมือลงมา ไม่ยังงั้นก็เตรียมตัวเก็บเครื่องที่พื้นได้เลยครับ



ลองมาเทียบกับเจ้าคุณปู่ iPhone 4s แล้ว มือผมโอบได้รอบเลย สามารถเอื้อมลงมากดปุ่ม Home ได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะหลุดมือไปไหน



ขนาดของ iPhone 4s นั้นผมยังยืนยันว่ามันเหมาะกับนิ้วมือมนุษย์ที่จะกวาดได้รอบมากกว่า แต่นั้นก็หมายความว่าเราต้องอยู่กับขนาดจอ 3.5 นิ้ว ซึ่งในสมัยนี้เริ่มจะไม่เพียงพอต่อการแสดงผลอะไรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์ในสมัยนี้เป็นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ เช่นเอาไว้ดูหนัง Full HD เอาไว้


แก้ไขเอกสาร ตอบ email ฯลฯ


4. การพกพา
อีกหนึ่งหัวข้อสำคัญของการใช้งานโทรศัพท์มือถือในสมัยนี้ โดยขนาดของเครื่องนั้นอย่างที่ได้กล่าวมาแล้วคือมันยาวกว่า Samsung Galaxy S3 อยู่นิดๆ ตรงนี้ต้องถามตัวคุณเองเลยครับว่าคาดหวังขนาดไหนกับการพกพา โดยท่านที่เคยมีประสบการณ์การใช้มือถือจอใหญ่ๆก็น่าจะชินกันแล้วนะครับที่ว่ามันจะลดความสะดวกสบายในการพกพาไประดับหนึ่งเลยทีเดียว



กระเป๋ากางเกงด้านหน้าใส่ได้มั้ย? ผมลองใส่ดูแล้วพบว่าใส่ได้ครับ แต่มันจะปริ่มๆขอบกระเป๋าเลย ตรงนี้น่าจะไม่มีปัญหานะครับสำหรับท่านที่ใส่กางเกงพอดีตัว แต่ถ้ากางเกงแบบหลวมๆสบายๆ อาจจะหล่นออกมาได้เวลานั่งครับ



กระเป๋าหลังไม่แนะนำครับ โทรศัพท์โผลออกมาค่อนข้างเยอะ ลุกๆนั่งๆเผลอๆโทรศัพท์หล่นหายไปไม่รู้ตัว และที่สำคัญล่อตาล่อใจต่อมิจฉาชีพทั้งหลายที่พร้อมจะฉกโทรศัพท์นะครับ ยิ่งช่วงนี้ iPhone 6 กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด



กระเป๋าเสื้อผมไม่แนะนำด้วยประการทั้งปวงครับ(แต่จะมีซักที่คนที่เอาโทรศัพท์มิติขนาดนี้ใส่กระเป๋าเสื้อ) พร้อมจะหล่นได้ทุกเวลา แค่ก้มนิดๆโทรศัพท์ของท่านก็จะหล่นลงไปสัมผัสพื้นโลกได้ง่ายมากๆเลยครับ

Share on Google Plus

ถ้าเห็นว่าบทความเจ๋ง ช่วยแชร์ด้วยนะครับ ^ ^

    Facebook Comment
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น