สูตร เต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน
„อุปกรณ์ ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มี เตาแก๊ส, หม้อสเตนเลส, ทัพพี, ไม้พาย, ที่ตีปากตะกร้อ, ผ้าขาวบาง, ถ้วยพลาสติกมีฝาปิดขนาดมาตรฐาน 6 ออนซ์ และอุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
วัตถุดิบ มี.. มะพร้าวน้ำหอมอ่อนกำลังดี (ใช้ทั้งน้ำและเนื้อ), นมสดพาสเจอไรซ์, นมข้นจืด, ผงวุ้น, เจลาติน, น้ำตาลทราย และน้ำสะอาด
การทำเต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ตัวเต้าฮวย
ตามสูตรเจ้านี้จะใช้นมสด 1 ถ้วย, นมข้นจืด 1 ถ้วย, ผงวุ้น 2 ช้อนชา, ผงเจลาติน 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 80 กรัม และเนื้อมะพร้าวน้ำหอม
น้ำราด
จะใช้นมสด 2 ถ้วย, น้ำตาลทราย, น้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อน
ขั้นตอนการทำ “เต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน”
1.เตรียมส่วนผสมให้พร้อม นำมะพร้าวน้ำหอมที่เตรียมไว้มาเฉาะแยกเอาแต่น้ำ กรองด้วยผ้าขาวบาง แบ่งเป็น 2 ส่วนใส่ไว้ ในภาชนะสะอาด ก่อนจะนำไปเข้าตู้เย็น เอาลูกมะพร้าวที่เฉาะแล้วมาผ่าออก ใช้ช้อนตักเอาแต่เนื้อใส่ไว้ในภาชนะสะอาดนำเข้าตู้เย็น เตรียมเอาไว้ ทำการตวงส่วนผสมที่ต้องใช้เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็น ผงวุ้น, เจลาติน, นมสดพาสเจอไรซ์, นมข้นจืด และน้ำตาลทราย
2. เริ่มทำจากการทำตัวเต้าฮวยก่อน โดยการนำเอาน้ำมะพร้าวหนึ่งส่วนใส่หม้อขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป คนให้ทั่ว ระหว่างรอส่วนผสมเดือดให้นำน้ำอุ่นครึ่งถ้วยผสมผงเจลาติน คนให้เจลาตินละลายให้หมดไม่จับเป็นก้อน เตรียมไว้ส่วนผสมเริ่มเดือด ใส่นมสด, นมข้นจืด, น้ำตาลทราย และผงวุ้น ลงไป ใช้ที่ตีปากตะกร้อคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ผงวุ้นนอนก้น พอส่วนผสมเดือดใส่เจลาตินที่ละลายน้ำตามลงไป ค่อย ๆ คนผสมให้เข้ากัน พอเดือดปิดไฟยกลง พักไว้สักครู่
3.พออุ่น ๆ ตักใส่ถ้วยพลาสติกกลมขนาด 6 ออนซ์ ครึ่งถ้วย ระหว่างรอตัวเต้าฮวยแข็งตัว ก็หันมาทำน้ำราด นำน้ำมะพร้าวที่เหลือใส่หม้อตั้งไฟต้มให้เดือด ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป คนให้เข้ากัน รอจนเดือด จึงใส่นมสด น้ำตาลทรายนิดหน่อยลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ปิดไฟ ยกลงตั้งไว้ให้เย็น เตรียมตักราดบนตัวเต้าฮวย เพียงเท่านี้ก็จะได้เต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนแสนอร่อย รสชาติขนมที่ได้ จะมีรสหวานอ่อน ๆ แบบที่ทานแล้วคล่องคอ ไม่ใช่ทานแล้วหวานจนร้อนคอ และมีกลิ่นหอมยวนใจที่ผสมผสานเข้ากันเป็นอย่างดีระหว่างมะพร้ามน้ำหอมกับนมสด วัตถุดิบที่ใช้จะเน้นของดี เหมือนทำให้คนในครอบครัวกิน ทุกขั้นตอนเธอทำด้วยความใส่ใจ สด สะอาด และปลอดภัย ไม่ใส่สารกันบูด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 4 วัน“
ที่มาจาก: http://www.dailynews.co.th/article/332616
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น